วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2559



การบันทึกครั้งที่ 3 วันจันทร์ที่ 12 กันยายน 2559
เวลาเรียน 13.30 - 17.30
เนื้อหา
STEM / STEAM Education
STEM” คืออะไร 

  • เป็นการจัดการศึกษาแบบบูรณาการความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ 
  • นำลักษณะทางธรรมชาติของแต่ละสาระวิชามาผสมผสานและจัดเป็นการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน
  • เน้นการนำความรู้ไปใช้ในการแก้ปัญหาในชีวิตจริง รวมทั้งการพัฒนากระบวนการผลิตใหม่ ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตและการทำงาน

Science คือ
  • การเรียนรู้เรื่องราวของธรรมชาติ 
  • เช่น ปรากฏการณ์ต่าง ๆ โดยผ่านกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ ซึ่งวิทยาศาสตร์นั้นมีเป้าหมายหลักเพื่อใช้อธิบายกฎเกณฑ์หรือ ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ตามธรรมชาติโดยใช้หลักและระเบียบวิธีการทางวิทยาศาสตร์
Technology คือ
  • วิทยาการที่นำเอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางปฏิบัติและอุตสาหกรรม (ราชบัณฑิตยสถาน: 2557, 580)
  • สิ่งที่เราสร้างหรือพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้อำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิต 
  • ไม่ใช่มีความหมายเพียงแค่คอมพิวเตอร์หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น แต่หมายรวมไปถึงสิ่งประดิษฐ์ตามยุคสมัยต่าง ๆ อย่างเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือรวมไปถึงเครื่องใช้ทั่วไปอย่าง ยางลบ, มีด, กรรไกร, กบเหลาดินสอ เป็นต้น
Engineering คือ
  • ทักษะกระบวนการในการออกแบบ สร้างแบบ รวมไปถึงการวางแผนเพื่อแก้ไขปัญหา โดยการใช้องค์ความรู้ด้านต่าง ๆ มาสร้างสรรค์ออกแบบผลงานที่ใช้งานได้จริง 
  • กระบวนการในการทำงานของวิศวกรรมศาสตร์นั้น สามารถนำมาบูรณาการกับหลักแนวคิดของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และคณิตศาสตร์ได้ (ยศวีร์ สายฟ้า: 2557, 1) 
  • ช่วยส่งเสริมทำให้เกิดการพัฒนาทางความคิดออกแบบสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น
Mathematic  คือ
  • วิชาที่ว่าด้วยเรื่องของการคำนวณ (ราชบัณฑิตยสถาน:2557, 225) 
  • เป็นการเรียนรู้ในเรื่องราวของจำนวน ตัวเลข รูปแบบ ปริมาตร รูปทรงต่างๆ รวมไปถึงแบบรูปและความสัมพันธ์ (พีชคณิต) ฯลฯ 
  • ทักษะทางคณิตศาสตร์นี้เป็นทักษะที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกแขนงวิชา เพราะเป็นศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้ มีความแม่นยำ 
  • เรายังสามารถพบคณิตศาสตร์ได้ในชีวิตประจำวันของเราแทบจะทุกที่ ทุกเวลาอีกด้วย 
“STEM” กับการจัดการเรียนการสอนระดับปฐมวัย
  • “STEM” แทรกเข้าไปในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามหน่วยที่ครูจัดขึ้น หรือเลือกตามหน่วยที่เด็กสนใจได้อย่างหลากหลาย จะทำให้เด็กสนุกกับการเรียนในห้องมากขึ้น 
  • การศึกษาแบบ “STEM” เป็นการศึกษาที่ช่วยทำให้เด็กอยากเรียนรู้ด้วยตนเอง เปลี่ยนการเรียนแบบท่องจำมาเป็นการเรียนรู้แบบลงมือทำ ปฏิบัติจริง ทดลอง สืบค้น และใช้วัสดุอุปกรณ์ 
  • ทำให้เด็กได้ใช้ความสามารถของตนเองอย่างเต็มที่ ได้รับความสนุกสนาน และมีความสนใจในวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ มากยิ่งขึ้น 

เป็นกิจกรรมการสร้างสรรค์ผลงานที่อาจารย์ได้กำหนด คือ ให้ทุกคนจับกลุ่มประมาณ 6-7 คน เพื่อทำ "ผีเสื้อ"



งานชิ้นที่ 1 


งานชิ้นที่ 2 คือการสร้างกรงของผีเสื้อ โดยอาจารย์ให้เอาไม้ที่เราเตรียมไว้มาสร้างเป็นกรง มีใบไม้ มีผ้าสีขาว เชือก มาสร้างสรรค์กรง เพื่อให้ผีเสื้อที่เราทำอยู่ในกรงได้



งานชิ้นที่ 2 

งานชิ้นที่ 3 คือ  คือการปั้นดินน้ำมันแล้วทำเป็นภาพเคลื่อนไหว  


ประเมินตัวเอง

วันนี้ฉันได้ออกความคิดเห็นกับเพื่อนในกลุ่มก็พอควรและตั้งใจทำงานมาก

ประเมินเพื่อน

เพื่อนๆช่วยกันทำงานทุกคนบางครั้งก็คุยกันดังบาง

ประเมินอาจารย์

อาจารย์สอนเนื้อหาด้วยการให้นักศึกษาได้ทำกจิกรรมจริงชอบมากค่ะ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น